ความแตกต่างระหว่างพืชเป็นพิษ กับ พืชขาดแคลเซียม(Ca)
ความแตกต่างระหว่างพืชเป็นพิษ กับ พืชขาดแคลเซียม(Ca)
ความแตกต่างระหว่างพืชเป็นพิษ กับ พืชขาดแคลเซียม(Ca)
อาการพืชเป็นพิษอาจแสดงอาการคล้ายกับอาการขาดแคลเซียม(Ca) ซึ่งเป็นปัญหาที่มักทำให้เกษตรกรสับสนระหว่างอาการขาดแคลเซียมกับอาการเป็นพิษจากสารอื่นๆ
พืชเป็นพิษ
พืชมีอาการเป็นพิษเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สารเคมีที่ใช้ไม่ถูกต้อง สารปนเปื้อนในน้ำ ดิน อากาศ รวมถึงการให้ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงที่มากเกินไป อาการมักจะแสดงอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับสารที่ทำให้เกิดพิษอาการมีได้หลายแบบ
อาการพืชเป็นพิษ
1.ใบเปลี่ยนสี ใบเหลืองซีด โดยเฉพาะระหว่างเส้นใบ (chlorosis) ใบไหม้เป็นจุดสีน้ำตาลหรือดำ ใบแดงผิดปกติ
2.ใบไหม้/ขอบใบแห้ง ขอบใบแห้งกรอบ เหมือนถูกลวก ใบไหม้ทั้งแผ่นใบหรือลุกลามจากปลายใบเข้ามา
3.ใบร่วง ใบร่วงก่อนวัยอันควร ใบร่วงจำนวนมากพร้อมกัน
4.การเจริญเติบโตผิดปกติ พืชโตช้าแคระแกร็น ลำต้นคดงอ
5.รากเน่า/รากช้ำ รากสีดำ สีน้ำตาล มีกลิ่นเหม็น รากหยุดงอก
6.ผลผลิตผิดปกติ ดอกไม่ติดผล ดอกร่วงก่อนเวลา
วิธีการแก้
1. หยุดใช้สารแก่พืชชั่วคราว และล้างออกหากพ่นมากเกินไป
2. ปรับปรุงดิน ด้วยปุ๋ยอินทรีย์หรือถ่านชีวภาพ
3. รดน้ำให้สมดุล และไม่ให้น้ำขัง
4. ย้ายปลูก ถ้าอยู่ในดินหรือกระถางที่มีพิษสะสม
5. ตรวจค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) และ EC (ค่าความเค็ม)
ลักษณะอาการพืชเป็นพิษจากการใช้อัตราส่วนของสารที่ฉีดพ่นให้พืชไม่ถูกต้อง หลังจากฉีดพ่น 3 วัน
พืชขาดแคลเซียม(Ca)
เกิดได้จากดินมีค่า pH ที่สูง(แคลเซียมไม่สามารถละลายน้ำได้) ดินระบายน้ำได้ไม่ดี ปริมาณแคลเซียมในดินต่ำ จะสังเกตได้ชัดเจนที่สุดที่ ใบอ่อน ยอดอ่อน ราก และผล เนื่องจากแคลเซียมเป็นธาตุที่เคลื่อนที่ได้ช้าในพืช เมื่อขาดแล้วส่วนที่กำลังเติบโตจะได้รับผลก่อนเสมอ อาการขาดแคลเซียมนั้นพืชจะค่อยๆแสดงอาการช้าๆ
อาการพืชขาดแคลเซียม
1.ใบอ่อน ใบหงิก ม้วน บิดเบี้ยว ใบซีด เหลือง หรือขอบไหม้ (tip burn) เส้นใบยังเขียวแต่เนื้อใบเหลือง
2. ยอดอ่อน ยอดหยุดเจริญ ยอดแห้งตายหรือเน่า แตกยอดใหม่ได้น้อย
3. รากสั้น เปราะ ปลายรากแห้งหรือเน่า ดูดน้ำได้ไม่ดี
4. ผล/ดอก ผลผิดรูป ปลายผลเน่า ดอกไม่ติดผลหรือติดแล้วร่วง
วิธีการแก้
1. พ่นแคลเซียมทางใบ
2. ปรับดินให้มี pH เหมาะสมต่อการละลายของธาตุอาหารพืช (pH 5.5-7)
3. จัดการน้ำในแปลงเสมออย่าให้ขาดหรือมีน้ำขังในแปลงปลูก
แนวทางในการแยกแยะ ระหว่าง พืชเป็นพิษ กับ ขาดแคลเซียม(Ca)
1. ดูประวัติการให้ปุ๋ยหรือยาพ่น หากเพิ่งพ่นหรือให้มากเกินกว่าคำแนะนำบนฉลากกำหนด อาจเป็นพิษ
2. ลองให้แคลเซียมโดยการฉีดพ่นทางใบ หากอาการดีขึ้น พืชขาดแคลเซียม
3. ตรวจวิเคราะห์ดินหรือน้ำ pH < 5.5 อาจขาดแคลเซียม EC สูง >2.5 mS/cm ดินเค็ม อาจเป็นพิษจากปุ๋ยหรือน้ำ
หากพืชมีอาการดังกล่าวและตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดได้แล้วว่าอาการเหล่านั้นเกิดจากการเป็นพิษจากสารที่ฉีดพ่น หรือพืชขาดแคลเซียม จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดเกิดเป็นผลดีต่อพืชและเกษตรกร แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรปล่อยให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นจะเป็นผลดีที่สุด ควรอ่านศึกษาฉลากผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างถี่ถ้วนก่อนฉีดพ่นให้แก่พืชเสมอ และควรป้องกันไม่ให้พืชขาดแคลเซียมด้วยเช่นกัน
ทีเอบี แคลบีไวท์ (TAB CALBWHITE)
ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม ชนิดน้ำ ช่วยป้องกันการขาดแคลเซียม และโบรอน ช่วยในการแบ่งเซลล์ ช่วยในการงอกของเกสรตัวผู้ ช่วยให้งอกเข้าไปผสมกับไข่ของเกสรตัวเมีย ช่วยเพิ่มปริมาณการติดผลต่อช่อ รวมทั้งช่วยขยายขนาดของผล และสามารถป้องกันไม่ให้ผล เถา หรือฝักแตก ทำให้เนื้อแน่น ป้องกันแกนไส้นิ่ม รสชาติและสีดีขึ้น ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลจาก ลำต้น ใบ มาสู่ผล และเมล็ด สามารถเก็บสะสมอาหาร ผลมีการพัฒนาเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ลดปัญหาการหลุดร่วงได้
อัตราการใช้ในการฉีดพ่นให้แก่พืช 30-40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ทุกๆ 7-10 วัน
ขอบคุณที่มารูปภาพจาก(พืชเป็นพิษ) : เกษตรกร
ขอบคุณที่มารูปภาพจาก(พืชขาดแคลเซียม) : สำนักสำรวจดินและการวางแผนใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช. สืบค้น 14 มิถุนายน 2568,// จาก http://osl101.ldd.go.th/easysoils/s_prop_nutri02.htm.
เรียบเรียงข้อมูลโดย: อภิศรา รอบคอบ
02 กรกฎาคม 2568
ผู้ชม 591 ครั้ง